ในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิตอยู่ ท่ามกลางความเร่งรีบและมลภาวะในอากาศ มีภัยร้ายหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กำลังกัดกินสุขภาพของเราอย่างช้าๆ นั่นคือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แม้ว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน (กลางปี 2568) อาจไม่ได้วิกฤตเท่าช่วงพีคของฤดูฝุ่น แต่ความจริงคือฝุ่นนี้ไม่ได้หายไปไหน และยังคงเป็นภัยคุกคามสุขภาพที่เราต้องตระหนักรู้และป้องกันอย่างสม่ำเสมอ 

 

PM 2.5 คืออะไร? ทำไมถึงอันตราย? 

 

PM 2.5 ย่อมาจาก Particulate Matter 2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร หรือประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผมมนุษย์ ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วนี้เอง ทำให้มันสามารถ: 

 

  • เล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย: PM 2.5 สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันของร่างกาย เช่น ขนจมูกหรือหลอดลม ไปยังถุงลมปอด และซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง 
  • เป็นพาหะของสารอันตราย: ฝุ่น PM 2.5 มักจะจับตัวกับสารพิษต่างๆ เช่น โลหะหนัก สารก่อมะเร็ง ก๊าซพิษ ทำให้เมื่อเราสูดดมเข้าไป สารพิษเหล่านี้ก็จะเข้าสู่ร่างกายไปพร้อมกับฝุ่น 

ต้นตอของ PM 2.5 มาจากไหน? 

 

แหล่งกำเนิดของ PM 2.5 มีหลากหลาย ทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์: 

 

  • การจราจร: ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล 
  • ภาคอุตสาหกรรม: โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ 
  • การเผาในที่โล่ง: การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การเผาขยะ และการเผาป่า 
  • ฝุ่นจากการก่อสร้าง: การก่อสร้างอาคาร ถนน และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ 
  • ฝุ่นจากกิจกรรมในครัวเรือน: เช่น การประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง (ปิ้ง ย่าง ทอด) หรือการใช้ธูปเทียน 
  • สภาพภูมิอากาศ: สภาพอากาศนิ่ง ลมสงบ และความกดอากาศสูง ทำให้ฝุ่นสะสมตัวในบรรยากาศ 

ผลกระทบต่อสุขภาพที่มองไม่เห็นแต่ร้ายแรง: 

 

การสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง แม้ในปริมาณน้อย ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้: 

 

  • ระบบทางเดินหายใจ: ระคายเคืองทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก หอบหืดกำเริบ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคปอดเรื้อรัง รวมถึงมะเร็งปอด 
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ฝุ่นที่เข้าสู่กระแสเลือดอาจทำให้หลอดเลือดอักเสบ หัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง 
  • ผิวหนังและดวงตา: ระคายเคืองผิวหนัง ผื่นคัน ดวงตาแดง แสบตา 
  • ระบบประสาท: มีงานวิจัยบางชิ้นเริ่มชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับปัญหาทางระบบประสาท เช่น พัฒนาการช้าลงในเด็ก และเพิ่มความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสมองในผู้สูงอายุ 
  • กลุ่มเปราะบาง: เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีความเสี่ยงและได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป 

เราจะป้องกันตัวเองจาก PM 2.5 ได้อย่างไร? 

 

แม้จะเป็นภัยร้ายที่มองไม่เห็น แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันตัวเองได้: 

 

       1.ติดตามสถานการณ์ฝุ่น: ตรวจสอบค่า PM 2.5 ในพื้นที่ของคุณเป็นประจำผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ 

 

       2.สวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน: เมื่อค่าฝุ่นสูง ควรเลือกใช้หน้ากาก N95 ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

       3.ลดกิจกรรมกลางแจ้ง: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมนอกบ้านเมื่อค่าฝุ่นอยู่ในระดับอันตราย 

 

       4.ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: ป้องกันฝุ่นเข้ามาในอาคาร และใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ในบ้านหรือที่ทำงาน 

 

       5.ลดการสร้างมลพิษ: งดการเผาขยะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ขนส่งสาธารณะ หรือบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี 

 

       6.ดูแลสุขภาพร่างกาย: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

 

PM 2.5 เป็นภัยเงียบที่อยู่รอบตัวเรา การตระหนักรู้ถึงอันตรายและลงมือป้องกันตัวเองอย่างสม่ำเสมอ คือก้าวสำคัญในการปกป้องสุขภาพของเราและคนที่เรารักจากภัยร้ายที่มองไม่เห็นนี้ ให้เราหันมาให้ความสำคัญกับอากาศที่เราหายใจ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน 

 

โพสต์โดย
โพสต์โดย
Programmer
“เปรมชัย” ผู้ที่ชื่นชอบการทำ Web Designer สู่การเป็น Developer อย่างเต็มรูปแบบ เปรมพร้อมที่จะให้บริการ ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ อีกทั้งยังชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ให้เข้ากับงาน และพร้อมที่จะดูแลลูกค้าทุกท่านด้วยใจ