ในภาพจำของหลายคน แผ่นดินไหว อาจเป็นภัยธรรมชาติที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นไกลตัวในประเทศไทย แต่จากสถิติและเหตุการณ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจากรอยเลื่อนมีพลังในประเทศหรือการสั่นสะเทือนจากประเทศเพื่อนบ้าน เหตุการณ์เหล่านี้ย้ำเตือนให้เห็นว่าแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ องค์กรธุรกิจ การมีแผนเตรียมความพร้อมและ แผนอพยพ ที่ชัดเจน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ทำไมองค์กรต้องมีแผนอพยพรับมือแผ่นดินไหว?
การลงทุนในการเตรียมแผนอพยพไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่เป็นการลงทุนเพื่อปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และความต่อเนื่องทางธุรกิจ:
- ความปลอดภัยของพนักงาน: นี่คือเป้าหมายสูงสุด การมีแผนที่ชัดเจนจะช่วยให้พนักงานรู้วิธีปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ลดความตื่นตระหนก และเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
- ลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน: การอพยพอย่างเป็นระบบและรวดเร็วช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอาคารและอุปกรณ์ หากมีการตรวจสอบและควบคุมความเสียหายเบื้องต้นได้ทัน
- ความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity): การที่พนักงานปลอดภัยและทรัพย์สินเสียหายไม่มาก จะช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวและกลับมาดำเนินธุรกิจได้เร็วขึ้นหลังเหตุการณ์
- สร้างความเชื่อมั่น: การที่องค์กรแสดงความใส่ใจในความปลอดภัยของพนักงาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งพนักงาน ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
องค์ประกอบสำคัญของแผนอพยพแผ่นดินไหวในองค์กร
แผนอพยพที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยขั้นตอนและรายละเอียดที่ชัดเจน ดังนี้:
1.การประเมินความเสี่ยงและโครงสร้างอาคาร:
- ประเมินความแข็งแรงของอาคาร: ตรวจสอบโครงสร้างอาคารว่าได้มาตรฐานการต้านทานแผ่นดินไหวหรือไม่ หากเป็นอาคารเก่า ควรพิจารณาการเสริมความแข็งแรง
- ระบุจุดเสี่ยง: สำรวจพื้นที่ภายในอาคารที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตู้เอกสารที่ไม่ยึดติดผนัง ชั้นวางของสูง โคมไฟขนาดใหญ่ หรือเครื่องจักรที่อาจโค่นล้ม
- จัดทำแผนที่อพยพ: กำหนดเส้นทางหนีไฟที่ปลอดภัย ทางออกฉุกเฉิน จุดรวมพลที่อยู่ห่างจากอาคารและสิ่งกีดขวาง ควรมีแผนที่ติดไว้ในทุกชั้นและจุดสำคัญ
2.การฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ:
- ให้ความรู้พื้นฐาน: สอนพนักงานเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว (เช่น "หมอบ กำบัง ยึดจับ" - Drop, Cover, Hold On)
- ซ้อมอพยพเสมือนจริง (Drill): จัดให้มีการซ้อมอพยพอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้พนักงานคุ้นเคยกับเส้นทางและขั้นตอนปฏิบัติจริง
- บทบาทและหน้าที่: กำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละชั้นหรือแต่ละส่วนงานให้ชัดเจน เช่น ผู้ประสานงานอพยพ (Fire Warden/Marshal) หรือทีมปฐมพยาบาลเบื้องต้น
3.การจัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก:
- อุปกรณ์ปฐมพยาบาล: จัดเตรียมกล่องปฐมพยาบาลให้พร้อมใช้งานในจุดที่เข้าถึงง่าย
- ไฟฉายและวิทยุสื่อสาร: สำหรับใช้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ และสำหรับการสื่อสารในพื้นที่ที่สัญญาณโทรศัพท์อาจไม่เสถียร
- ชุดยังชีพฉุกเฉิน: พิจารณาจัดเตรียมน้ำดื่ม อาหารแห้ง ผ้าห่ม และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ สำหรับใช้ในจุดรวมพลกรณีต้องใช้เวลานาน
- อุปกรณ์ช่วยชีวิต: เช่น หน้ากากกันฝุ่นหรือค้อนทุบกระจก (หากจำเป็น)
4.ระบบการสื่อสารและแจ้งเหตุ:
- ช่องทางแจ้งเหตุ: กำหนดวิธีการแจ้งเหตุแผ่นดินไหวที่ชัดเจน เช่น เสียงสัญญาณเตือนภัย หรือข้อความแจ้งเตือนผ่านระบบภายในองค์กร
- ช่องทางการติดต่อฉุกเฉิน: จัดทำรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล ตำรวจ ดับเพลิง และรายชื่อติดต่อของพนักงานและญาติ
- ระบบยืนยันความปลอดภัย: วางแผนการตรวจสอบยอดพนักงานหลังการอพยพ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนปลอดภัยและอยู่ในจุดรวมพล
5.การทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างต่อเนื่อง:
- ประเมินผลการซ้อม: หลังจากการซ้อมอพยพทุกครั้ง ควรมีการประเมินผลและระบุจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
- อัปเดตข้อมูล: ตรวจสอบและอัปเดตแผนอพยพอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงรายชื่อพนักงาน เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน และแผนผังอาคาร
- ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวและการพัฒนาของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เพื่อนำมาปรับใช้กับแผนขององค์กร
แผ่นดินไหว คือภัยธรรมชาติที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เราสามารถเตรียมพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ การลงทุนในการวางแผนอพยพและฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามหน้าที่ แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบขององค์กรต่อชีวิตพนักงานและอนาคตของธุรกิจ การเตรียมพร้อมในวันนี้ คือหลักประกันความปลอดภัยในวันหน้าอย่างแท้จริง